เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 CAAT จัดสัมมนาอุตสาหกรรม การบินของไทย ครั้งที่ 2 “กลับคืนน่านฟ้า มุ่งหน้าสู่อนาคต” โดยมีนายมนตรี เดชาสกุลสม รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงาน ร่วมด้วยนายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และ Mr. Tao Ma ผู้อำนวยการภูมิภาค สำนักงานสาขาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (ICAO APAC) รวมทั้งผู้ประกอบการด้านการบิน เข้าร่วมงานกว่า 400 คน
.
ซึ่งงานสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสื่อสารทิศทางและนโยบายเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต พร้อมทั้งรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วนเพื่อนำไปสู่การบูรณาการแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของประเทศให้ครอบคลุมทุกมิติและพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการบินและการขนส่งทางอากาศในระดับภูมิภาคและระดับโลกในอนาคต
.
ขณะที่รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายมนตรี เดชาสกุลสม กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้มีการกำหนดแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ที่มุ่งเน้นถึงการปรับปรุงระบบคมนาคมให้เป็นประตูสู่ประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นอุตสาหกรรมสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินทั่วประเทศให้สามารถรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น กระทรวงคมนาคม จึงได้มีนโยบายสำคัญด้านอุตสาหกรรมการบินเพื่อเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานและการขนส่งทางอากาศ ซึ่งอยู่ในนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม ด้านที่ 1 “คมนาคม เปิดประตูการค้า การท่องเที่ยว สร้างการเป็น HUB เพื่อการเชื่อมโยงการเดินทางทุกมิติ” โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1) การดำเนินงานระยะเร่งด่วนภายใน 1 ปี โดยมอบหมายให้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ดำเนินการจัดสรรเวลาการบินให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ต่อสัปดาห์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น 2) การดำเนินงานระยะกลาง 1-3 ปี ที่มุ่งเน้นถึงการเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานที่มีอยู่ในปัจจุบัน และ 3) การดำเนินงานระยะยาว 5-7 ปี คือการพัฒนาขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบินอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีข้อจำกัดในการขยายพื้นที่ เช่น การก่อสร้างท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 หรือท่าอากาศยานล้านนา และท่าอากาศยานพังงา (ภูเก็ตแห่งที่ 2) หรือท่าอากาศยานอันดามันซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทการจัดตั้งสนามบินพาณิชย์ของประเทศที่ กพท. ได้จัดทำไว้ ซึ่งคาดว่าเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 50 ล้านคนต่อปี
.
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและต้นทุนด้านพลังงาน โดยมอบหมายให้ กพท. ศึกษาและกำหนดมาตรการเรื่องการใช้น้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO กำหนด การจัดงานในวันนี้จึงถือเป็นหนึ่งในเวทีสำคัญที่ให้ผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมการบินได้มารับฟังแนวโน้มและการผลักดันของภาครัฐ รวมทั้งได้มีโอกาสในการนำเสนอข้อคิดเห็นต่าง ๆ ต่อกระทรวงคมนาคมต่อไป
.
ภายในงาน ยังมีการการบรรยาย ในหัวข้อ “ทิศทางของอุตสาหกรรมการบินและแนวทางสู่ความยั่งยืน” โดย นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ที่นำเสนอเกี่ยวกับ การรับนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติมาขับเคลื่อนให้มีการจัดทำนโยบายด้านการบินพลเรือนฉบับแรกของประเทศที่มีเป้าหมายสำคัญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยระบบคมนาคมขนส่งทางอากาศที่มีคุณภาพ ต้นทุนเหมาะสม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีระบบการบินที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล มีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และเกิดผลประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนในทุกมิติ โดย CAAT ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2566 – 2571 เพื่อใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติงานให้ครอบคลุมมิติต่าง ๆ ทั้งด้านมาตรฐานสากล ด้านการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ด้านคุณภาพการบริการ และด้านประสิทธิภาพและการพัฒนาองค์กร นอกจากนี้ CAAT ยังได้จับมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อเตรียมจัดทำแผนแม่บท หรือ Drone Master Plan ให้ออกมาเป็น Roadmap สำหรับประเทศไทย ที่มีรายละเอียดครบทุกมิติอีกด้วย
.
จากนั้นจึงเป็นการเปิดเวทีเสวนาในหัวข้อ “บริบทใหม่ของอุตสาหกรรมการบิน โอกาส อุปสรรค ความท้าทาย” โดยผู้มีชื่อเสียงในแวดวงการบินและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องที่มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินของไทย อาทิ นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นางสมทรง สัจจาภิมุข รองนายกสมาคมอินเดียแห่งประเทศไทย นายยงยุทธ ลุจินตานนท์ ผู้แทนสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) นายสถาปนา พรหมบุญ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และนายนิธิธร สุขมนัส นายกสมาคมตัวแทนขนส่งสินค้าทางอากาศไทย (TAFA) ดำเนินรายการโดยคุณนายกฤษ พัฒนสาร กรรมการและเลขานุการสมาคมสายการบินประเทศไทย จากนั้นช่วงบ่ายจะเป็นการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อนำเสนอข้อมูลเฉพาะด้านและรับฟังความคิดเห็นในประเด็นหัวข้อต่าง ๆ ได้แก่ มาตรฐานระบบการกำกับดูแลด้านการบิน การกำกับดูแลด้านเศรษฐกิจการบิน ห้วงอากาศและอากาศยานไร้คนขับ และการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมของภาคการบิน
.
CAAT ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายด้านการบินพลเรือน เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศภายใต้มาตรฐานการบินระดับสากล และนำพาอุตสาหกรรมการบินของไทยกลับคืนสู่น่านฟ้า พร้อมทะยานสู่อนาคตด้วยมาตรฐานสู่ความยั่งยืน