เมื่อวานนี้ (22 พฤศจิกายน 2559) สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAAT จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติการบินพลเรือน โดยได้เชิญหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับการบินเข้าร่วม ตั้งแต่เวลา 8.30-12.00 น. ที่ห้องประชุมสโมสร กระทรวงคมนาคม
การสัมมนาครั้งนี้ นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน และนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ CAAT เป็นผู้บรรยายสรุปโครงสร้างและเนื้อหาโดยสังเขปของร่างพระราชบัญญัติการบินพลเรือน พ.ศ. …. ซึ่ง ผอ. CAAT ระบุว่า โครงสร้างและเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ. นี้มีกฎหมายแม่แบบมาจากของ ICAO
หลังจากนั้น ผอ. CAAT พร้อมฝ่ายกฎหมาย ได้ร่วมรับฟังข้อเสนอแนะและตอบข้อซักถาม ซึ่งประเด็นหนึ่งที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาหลายคนเห็นตรงกันว่าควรแก้ไขในร่าง พ.ร.บ. นี้ ก็คือเรื่องฐานความผิดและบทกําหนดโทษ เช่น
กัปตันสนอง มิ่งเจริญ นายกสมาคมนักบินไทย กล่าวว่า หากมีบทลงโทษที่รุนแรงดังที่ระบุใน ร่าง พ.ร.บ.การบินพลเรือน พ.ศ. …. อาจยิ่งทำให้ผู้กระทำผิดปกปิดความผิดเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นในการบิน เนื่องจากกลัวได้รับโทษ ซึ่งจะไม่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้านการบิน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินหลายคนจึงเสนอว่า อาจจะต้องปรับบทลงโทษให้มีระดับความรุนแรงเป็นขั้น และจำแนกบทลงโทษตามเจตนาของผู้กระทำผิด เช่น ตั้งใจฝ่าผืน หรือเป็นความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากความผิดพลาดทางการบินจากเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งนักบินไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น
ด้าน ผอ. CAAT ชี้แจงว่า ตามปกติ ทางกฎหมายมีการจำแนกความผิดตามเจตนาอยู่แล้ว เช่น
1. ความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้
2. ความผิดพลาดจากความประมาท
3. ความผิดที่เกิดจากการเล็งเห็นผลของการกระทำ และ
4. ความผิดอันเกิดจากการเจตนา ซึ่งที่บทลงโทษในร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้รุนแรง เพราะเป็นโทษที่จะนำไปใช้กับผู้ที่เจตนากระทำผิดเท่านั้น
ทั้งนี้ แม้ผู้เข้าร่วมสัมมนาหลายคนจะชี้ว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ มีหลายจุดที่ต้องแก้ไข แต่ก็พบว่ามีหลายข้อที่เป็นประโยชน์และครอบคลุมมากขึ้น อีกทั้งยังเริ่มเห็นความเป็นรูปเป็นร่างของพระราชบัญญัติการบินพลเรือน และยินดีจะช่วยเหลือในการแก้ร่าง พ.ร.บ. ต่อไปหาก CAAT ต้องการผู้เชี่ยวชาญ
ขณะที่ ผอ. CAAT ยืนยันว่าจะเดินหน้าปรับแก้ พ.ร.บ. ฉบับนี้ตามความเหมาะสม และจะเสนอไปยังกระทรวงคมนาคมภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2559 ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติภายในเดือนธันวาคม 2559
นอกจากนี้ ผอ. CAAT ยังได้กล่าวขอบคุณผู้เข้าร่วมสัมมนาที่ช่วยกันเสนอความคิดเห็น เพราะถือเป็นการทำเพื่อประเทศ เนื่องจากว่าพ.ร.บ. ฉบับนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ ที่จะทำให้ประเทศปลดธงแดง จาก ICAO ได้ เพราะจะเป็นกฎหมายหลักของการบิน ที่ ICAO ระบุ ก่อนหน้านี้ ว่าเป็นสิ่งที่ประเทศไทยยังมีข้อบกพร่องอยู่
(*พระราชบัญญัติด้านการบินที่ประเทศไทยใช้อยู่ในปัจจุบันคือพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497)